เกม-Overlord-Escape-from-Nazarick

เกม Overlord Escape from Nazarick เกมแอ็กชันเน้นสำรวจ

เกม Overlord Escape from Nazarick เกมแอ็กชันเน้นสำรวจ ที่ไม่ซับซ้อนแต่สนุกแบบไม่สุด

เกมแอ็กชันย้ำตรวจทานฉากหรือที่เรียกว่า Metroidvania ถูกสร้างออกมาเยอะแยะนับไม่ถ้วน ทำให้ถ้าผู้สร้างไม่สามารถที่จะทำให้สะดุดตาก็บางทีก็อาจจะไม่น่าสนใจ แม้กระนั้นเกมที่เอามารีวิวในวันนี้มันสะดุดตาตั้งแต่ต้น ด้วยความที่มันสร้างโดยอิงจากอนิเมะ Overlord แล้วหลังจากนั้นก็มีกราฟิกที่มองดูน่าสนใจทำให้ต้องหามาทดสอบเล่น (เกมวางขายบน PC และก็ Nintendo Switch)

นอกจากนั้นสัมผัสแรกของ Overlord Escape from Nazarick ยังเป็นเหตุให้ระลึกถึงเกมในตำนานอย่าง Castlevania Symphony of the Night อยู่หลายส่วน ไม่ใช่แค่ต้นแบบการเล่น แต่ เว็บเกมส์ออนไลน์ งานออกแบบฉากที่วนเวียนอยู่ในดันเจี้ยนเดียว รวมทั้งแอ็กชันของดาราหนังที่อย่างกับเอาอย่างมา ทำให้ในฐานรากมันขาดความอื่นๆอีกมากมายฉบับเสมอเหมือนเกมเลียนแบบ แต่พอใช้สัมผัสมันก็พอเพียงมีแตกต่างกันอยู่หลายส่วน

เกมเห็นผลงานของค่าย Engines Inc แล้วก็ขายโดย KADOKAWA CORPORATION ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ใช่เกมฟอร์มใหญ่อะไรนักแม้กระนั้นก็พอเพียงจะน่าสนใจ ส่วนเรื่องราวในจะย้ำการหาทางออกไปจากวิหาร Nazarick ที่ตัวเอก Clementine ที่หลังจากพลาดท่ารวมทั้งได้กลับคืนสติในดันเจี้ยนลึกลับพร้อมอาการจำอะไรไม่ค่อยได้ ผู้เล่นจำต้องสะสมอาวุธ, คืนค่าสกิลความรู้ความเข้าใจเพื่อหาทางออกไปจากนรกอเวจีนี้ แม้กระนั้นเรื่องราวเหมือนกันกับการเป็นสปินออฟจากซีรีส์หลักอย่าง Overlord มากกว่า

แม้ว่าภาพใน Overlord Escape from Nazarick จะเป็นแบบพิกเซลถึงแม้ก็มีการใส่รายละเอียดเข้าไปโดยเฉพาะแสงไฟเงาของฉากแล้วหลังจากนั้นก็ตัวละคร ทำให้มันมีความคล้ายกับภาพแบบ 2D-HD อยู่หลายส่วนแม้กระนั้นก็ไม่ได้เหมือนกันแบบ 100% แม้กระนั้นภาพมันดูดีเกินกว่าต้นฉบับที่มันอุตสาหะจะเป็น และไม่ได้มองดูเชยเลยถือเป็นการพบกันตรงกลางระหว่างสมัยก่อนและใหม่ได้พอดิบพอดี

เกม-Overlord-Escape-from-Nazarick

แต่ว่าเป็นที่โชคร้ายเป็นเพลงประกอบทำเป็นน่าผิดหวัง แม้ว่าจะมีการตั้งใจใส่ดนตรีเล่นเพลงแนวเดียวกับภาค Castlevania Symphony of the Night แม้กระนั้นทำเป็นเรียบเกินไปไม่มีเพลงธีมที่เด่นเลย ทำให้มันแปลงเป็นข้อด้อยของเกมไปอย่างโชคร้าย เนื่องจากว่ามันห่างชั้นกับต้นฉบับล้นหลามราวฟ้ากับเหว ส่วนเสียงชี้แจงของตัวละครมีในระหว่างเล่นที่เป็นการบอกชื่อท่าทีเด็ด ถึงแม้ไม่มีในฉากเล่าทำให้น่าผิดหวังพอสมควร

เกมเพลย์จะมาแนว Metroidvania แบบจัดสุดความสามารถเอก Clementine จะต้องออกตรวจทานฉากกว้างๆแบบ 2 มิติมุมมองด้านข้างเพื่อค้นหาทางไปต่อ ที่ผู้เล่นมีอิสระสำหรับในการเดินทางไปได้ทั่วแต่จะถูกจำกัดด้วยปัญหาที่จะจำต้องใช้ความสามารถพิเศษสำหรับในการปลดล็อกเปิดโอกาสไปต่อ เช่นการเก็บพลังของธาตุไฟแล้วดาราของเราจะเดินฝ่าไฟได้ หากแม้ยังมีท่าพิเศษที่ช่วยกำจัดศัตรูได้พร้อมหลายตัวและจากนั้นก็จำเป็นที่จะต้องต่อการต่อสู้กับบอสด้วย

นอกเหนือจากนั้นการเปิดประตูยังใส่ระบบแปลกๆที่เราจะใช้มีดเพื่อสะเดาะประตู หรือใช้ไอเทมลูกตุ้มติดโซ่เพื่อห้อยโหนไปบนพนังหรือกำแพง แล้วก็ลูกตุ้มยังคงใช้เป็นอาวุธโจมตีได้ด้วย หรือผู้ทำระกระโจนไปโหนเสาในฉากแล้วทำท่าเปรียบเสมือนเล่นยิมนาสติกเพื่อโจนไปที่สูง ทำให้มันดูพิศดารด้วยเหตุว่าเกือบไม่มีเกมไหนทำมาก่อน แต่สามารถเอามาประยุกต์ได้มากมายและบอสบางตัวก็จำเป็นที่จะต้องใช้ความสามารถแปลกๆเพื่อช่วยต่อสู้ด้วย

ความแปลกแบบมึนๆอีกส่วนในเกมเป็นไม่มีการบอกว่าจำเป็นต้องทำอะไรที่ไหนบ้างแบบตรงๆทำให้ผู้เล่นต้องหาคำบอกใบ้และจากนั้นก็หาทางไปต่อเอาเอง แต่ว่าถ้าเกิดมองเป็นลักษณะเด่นก็คือมันเช่นเดียวกันกับต้นฉบับที่ต้องหาทางเอาเองไม่มีจุดบอกบนแผนที่ และเนื่องแต่ฉากที่กว้างพอประมาณ ทำให้มีการใส่จุดวาร์ปเข้ามาทำให้เราเดินกลับกลับไปกลับมาเพื่อพิจารณาได้เร็วทันใจ

อีกส่วนที่ยังทำเป็นไม่ค่อยดีนักคือการต่อสู้ ที่หลักๆแล้วเราจะสามารถใช้อาวุธได้ 2 จำพวกที่มาแบบหลักแล้วก็อาวุธเสริม ที่จะสลับแปลงออกมาใช้ได้ง่ายมาก แล้วก็ยังอัปเกรดให้โจมตีแรงขึ้นได้ด้วยการเอาเพชรพลอยมาเพิ่มค่าพลังตามเตาหลอมที่อยู่ในฉาก แม้ว่าก็ไม่ได้สร้างเพิ่มค่าอะไรได้มากนัก ศัตรูในเกมก็รุกรานแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปหน่อย ยังดีที่การต่อสู้กับบอสทำเป็นสนุกพอใช้ได้ เพราะว่ามีการรุกรานที่มากมายแล้วก็เราจำเป็นที่จะต้องงัดอาวุธรวมทั้งท่วงท่าเด็ดมาเพื่อกำจัดมันที่จำเป็นต้องใช้ทั้งอาวุธหลัก, อาวุธเสริมแล้วก็ท่าหมัดเด็ดถึงจะกำจัดได้ หากแม้สำหรับมือใหม่ก็มีโหมดง่ายมาให้เล่นด้วย

นอกเหนือจากนั้นความรู้ความเข้าใจที่ตัวนำควรมีเป็นระบบเวทมนต์ ที่มาแบบง่ายๆเช่นพลังไฟก็จะปล่อยประกายไป และมีค่าพลังทำให้ใช้ได้จำกัดไม่มีความแตกต่างหรือแปลกใหม่ และก็แอ็กชันการปลดปล่อยท่าก็ทำเป็นเรียบไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มันก็จะต้องสำหรับการผ่านฉากรวมทั้งต่อสู้กับศัตรูบางตัว ซึ่งเวทมนต์จะเบาๆปลดล็อกออกมาเมื่อเล่นไปบ่อยที่ตรงจุดนี้บางครั้งก็อาจจะมองดูธรรมดาไปหน่อย

Overlord Escape from Nazarick บางทีก็อาจจะไม่ใช่เกมแนว Metroidvania ที่เหมาะสมที่สุดด้วยเหตุว่าหลายจุดในเกมยังมองดูไม่ลงตัวซักเท่าไหร่ ทั้งฉากที่ชวนงงงวยๆศัตรูที่ใช้ต้นแบบพร่ำเพรื่อเพลงประกอบที่ไม่มีธีมสะดุดตาติดหู ทำให้ความพากเพียรที่จะทำตาม Castlevania Symphony of the Night ดูเสียของไป แถมเกมยังสั้นไปหน่อยใช้เวลาจบไม่ถึง 4 ชั่วโมงด้วย แม้กระนั้นเมื่อเทียบกับราคาขายก็ถือว่าคุ้มอยู่ ยิ่งหากแม้คุณเป็นแฟนการ์ตูนอยู่และไม่ต้องคิดมากไปพบมาเล่นได้เลย